ReadyPlanet.com
dot
dot
หลักสูตรอบรม
dot
bulletออทิสติก
bulletสติปัญญา
bulletร่างกายหรือสุขภาพ
bulletการเรียนรู้
bulletพฤติกรรมและอารมณ์
bulletภาษาและการสื่อสาร
bulletการเห็น
bulletการได้ยิน
bulletพิการซ้อน
dot
รวมลิงค์เว็บเพื่อนบ้าน
dot
bulletสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ
bulletIRIS: Professional Development
bulletโรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์
bulletสถิติการศึกษา สพฐ.
dot
Newsletter

dot


เพลง
สมาคมวิจัยทางการศึกษาพิเศษ
ดวง
ประสาทสัมผัส
ออทิสติก
ดาวน์โหลด
วิจัย พิเศษ


ภาษาและการสื่อสาร

 

การพัฒนาทักษะการสื่อสารผ่านกลวิธีการรับรู้ผ่านการมอง  (Visual Strategies) 
ดร.สมพร  หวานเสร็จ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษส่วนกลาง
เข้าใจ..กลวิธีการรับรู้ผ่านการมอง  (Visual Strategies) 
กลวิธีการรับรู้ผ่านการมองมีหลักการและแนวคิดมาจากการที่บุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารไม่สามารถเข้าใจภาษาพูดทั้งหมดได้    จึงนำรูปภาพหรือสัญลักษณ์เข้ามาแทนภาษาพูดเพื่อให้บุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารเข้าใจและสามารถสื่อสารได้    รวมไปถึงการช่วยจัดการกับปัญหาการแสดงพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ด้วย จากการศึกษางานวิจัย พบว่า บุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารและกลุ่มบุคคลที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการสามารถเรียนรู้ผ่านการมองได้ดีเนื่องจาก สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ลดพฤติกรรมก้าวร้าวและการทำร้ายตัวเอง   ลดความเครียดและความวิตกกังวล    สามารถเชื่อมโยงความรู้ความเข้าใจเมื่อมีการเปลี่ยนสถานที่ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน    ช่วยให้ทำงานได้เสร็จอย่างสมบูรณ์    ช่วยให้ทำงานได้อย่างอิสระ (Hodgdon, 1995; Quill, 1997; Frost and Bondy ,2000)
หลักการของกลวิธีการรับรู้ผ่านการมอง ได้ถูกนำมาใช้เพื่อพัฒนาพฤติกรรมบุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารให้ดีขึ้นโดยแสดงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปให้บุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารเห็นได้ชัดเจน ทำให้บุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารทำกิจกรรมได้อย่างอิสระและมั่นใจ พัฒนาความสามารถในการเข้าใจของบุคคลบกพร่องด้านการสื่อสาร   เหตุผลที่ต้องใช้กลวิธีการรับรู้ผ่านการมอง   เพราะการกระตุ้นทางการมองอาจทำให้บุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารประสบความสำเร็จในการทำกิจกรรม เดิมเราไม่สามารถวัดได้ว่าบุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารเข้าใจสิ่งที่เราบอกให้ทำได้ เพราะบุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารอาจจะดูจากเพื่อนและทำตาม หรือเราอาจจะไปเข้าใจว่าบุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารไม่อยากทำตามที่เราบอกจริง ๆ แล้วบุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารกลุ่มนี้ไม่เข้าใจว่าจะต้องทำอะไรในขั้นต่อไปของกิจกรรมที่ดำเนินอยู่ ดังนั้นกลวิธีการรับรู้ผ่านการมองนี้จะเป็นเครื่องมือช่วยให้บุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารดำเนินขั้นตอนของกิจกรรม    คำสั่ง    คำอธิบายได้เสร็จสมบูรณ์
กลวิธีการรับรู้ผ่านการมองใช้ได้ดีกับสถานศึกษาก่อนวัยเรียน โรงเรียนอนุบาล โรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษา และอุดมศึกษา และกลุ่มบุคคลที่ได้รับประโยชน์จากการใช้กลวิธีการรับรู้ผ่านการมองจากการมองสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อพัฒนาด้านการสื่อสารและสังคม ได้แก่ บุคคลออทิติก บุคคลที่บกพร่องด้านการพูด / ไม่เข้าใจคำพูด บุคคลที่บกพร่องด้านการเรียนรู้ บุคคลที่สมาธิสั้น บุคคลที่บกพร่องทางสติปัญญา ฯลฯ (อาพร ตรีสูน, 2550; พรมณี หาญหัก, 2550 ; Harris et al ,1991 ; Hodgdon ,2000; Brereton, and Tonge, 2005)  
องค์ประกอบและประเภทของกลวิธีการรับรู้ผ่านการมอง
องค์ประกอบและประเภทของกลวิธีการรับรู้ผ่านการมอง ได้แก่ ตารางเวลา (Schedule) ตารางเวลาย่อย (Mini – Schedule) การแบ่งงานออกเป็นขั้นตอนย่อย ๆ (Task Organizers) ปฏิทิน (Calendars)เครื่องมือในการจัดการ (Management Tools)การเปลี่ยนกิจกรรม (Transition Helpers) และการสื่อสารระหว่างสิ่งแวดล้อมสองแห่ง (Communication Between Environment)
1)ตารางเวลา (Schedule) ช่วยให้บุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารมีความสะดวกสบายในการทำกิจกรรม   เกิดความมั่นใจและไว้วางใจในการทำกิจกรรม รวมถึงทราบข้อมูลว่าต้องทำอะไรบ้างใน 1 วัน   โดยวัตถุประสงค์หลักของตารางเวลา คือช่วยในการจัดการพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของบุคคลบกพร่องด้านการสื่อสาร เช่น ในวันหนึ่งๆ บุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารไม่ยอมทำกิจกรรมใดๆ นอกจากนั่งเล่นของเล่น คุณครูหรือผู้ปกครองใช้ตารางเข้าไปช่วยในการจัดการเป็นตัวบอกข้อมูลให้ทราบว่าบุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารจะต้องทำอะไรบ้างหลังจากที่พูดหรือบอกกล่าวโดยที่ไม่ต้องใช้คำพูดย้ำเตือน บางครั้งบุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารจะทำได้บ้างไม่ได้บ้างหรือมีอาการงอแงไม่ยอมเปลี่ยนกิจกรรมที่กระทำอยู่เป็นประจำเมื่อบุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารได้รับการฝึกใช้ตามตารางกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง พฤติกรรมต่อต้านก็จะลดลงและทำกิจกรรมตามตารางอย่างเข้าใจ เป็นการช่วยฟื้นความทรงจำหรือย้ำเตือนบุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารว่าจะต้องทำสิ่งใดก่อนหลัง อาจเป็นตารางเรียนหรือตารางกิจวัตรประจำวันของบุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารก็ได้
2)    ตารางเวลาย่อย (Mini – Schedule) เหมือนตารางเวลาหลัก แต่จะดึงมาเพียงหนึ่งกิจกรรมของตารางเวลา เป็นกิจกรรมในตารางเวลาที่บุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารไม่สามารถทำได้หรือเริ่มต้นทำกิจกรรมไม่ถูกหรือไม่ยอมทำกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งตารางเวลาย่อยช่วยให้บุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารทำกิจกรรมได้อย่างอิสระ
3)    การแบ่งงานออกเป็นขั้นตอนย่อย ๆ (Task Organizers) การแบ่งงานออกเป็นขั้นตอนคือการใช้ภาพหรือสัญลักษณ์    ที่บอกถึงขั้นตอนการกระทำกิจกรรมให้เป็นขั้นตอนย่อยที่ชัดเจน ผู้สอนจะต้องแตกทักษะที่จะสอนออกเป็นส่วนย่อยๆ หลายๆ ส่วนหรือหลายๆ ขั้นตอนให้เป็นงานที่ง่ายที่สุดที่ผู้เรียนจะกระทำได้ แล้วเอาแต่ละส่วนแต่ละขั้นตอนนั้นมาแยกสอน เพื่อให้ผู้เรียนทำได้คล่องด้วยตนเองในแต่ละส่วนแต่ละขั้นตอน นั่นคือผู้สอนต้องวิเคราะห์งาน
4)   ปฏิทิน (Calendars) ปฏิทินมีไว้บอกข้อมูลที่มีความหมายกับบุคคลบกพร่องด้านการสื่อสาร เพื่อช่วยลดความวิตกกังวล ลดการถามถึงเหตุการณ์ที่บุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารสนใจ โดยกำหนดไว้ที่ปฏิทินให้บุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารดูว่าเหตุการณ์สำคัญๆ ในหนึ่งเดือนอยู่ในวันอะไร ให้บุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารดูว่าวันนี้วันอะไร มีอะไรที่เด็กต้องทำบ้าง
5) เครื่องมือในการจัดการ (Management Tools)เครื่องมือในการจัดการ เป็นเครื่องมือที่บอก
ข้อมูล คำสั่ง กฎระเบียบต่างๆ ที่บุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารไม่เข้าใจ โดยใช้ภาพหรือสัญลักษณ์เป็นสื่อแทน    เช่น นักเรียนไม่ยอมนั่งเก้าอี้เรียน จะมุดใต้โต๊ะไม่ยอมทำกิจกรรม ครูใช้ภาพหรือสัญลักษณ์ ห้ามนอนใต้โต๊ะ,นั่งบนเก้าอี้    ติดไว้บนโต๊ะนักเรียนเพื่อกระตุ้นเตือนให้บุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์
6)    การเปลี่ยนกิจกรรม (Transition Helpers) เพื่อให้ยอมรับการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมหนึ่งสู่กิจกรรมหนึ่ง และเปลี่ยนจากสภาพแวดล้อมหนึ่งไปยังสภาพแวดล้อมหนึ่ง   โดยใช้ตาราง หรือรูปภาพ หรือใช้นาฬิกา ในการสื่อสารให้นักเรียนเข้าใจว่าจะต้องทำสิ่งใดก่อนหลัง
7)    การจัดระบบการทำงาน (Work System) ช่วยให้นักเรียนเข้าใจขั้นตอนการทำกิจกรรมมากขึ้น โดยนำตัวเลขมากำหนดขั้นตอนในการทำกิจกรรม เช่น นักเรียนมีปัญหาในการเรียนวิชาพลศึกษา โดยที่ไม่เรียนไม่ทราบว่าจะต้องเริ่มต้นทำที่ขั้นตอนใดก่อน ได้แต่นั่งหรือยืนดูเพื่อนทำกิจกรรมทั้งชั่วโมง คุณครูจึงนำขั้นตอนของงการเรียนในวิชาพลศึกษามาจัดเป็นระบบงานให้นักเรียนได้ทราบ
8)    การสื่อสารระหว่างสิ่งแวดล้อมสองแห่ง (Communication Between Environment) บุคคลบกพร่องด้านการสื่อสารสามารถสื่อสารด้วยรูปภาพได้ในสถานการณ์สองแห่ง เช่น อาจเป็นที่บ้านกับที่โรงเรียน หรือสถานที่อื่น หรืออาจใช้การเล่านิทานการสนับสนุนทางการมองเป็นวิธีการที่ส่งเสริมกระบวนการสื่อสารการเคลื่อนไหวร่างกายไปจนถึงการชี้แนะด้วยสิ่งแวดล้อม การใช้ประโยชน์การสนับสนุนทางการมองในเรื่องความสามารถของบุคคลเพื่อเพิ่มข้อมูลการสัมผัสของการมองเห็น การสนับสนุนทางสายตาเป็นส่วนที่แยกออกมามิได้ของวงจรการสื่อสาร การส่งเสริมกระบวนการรับที่เกิดผล การกระทำและการแสดง การสนับสนุนทางการมองมีรูปแบบดังต่อไปนี้    ภาษาท่าทาง เช่น การแสดงสีหน้า ใช้ท่าทางชี้แนะ ท่าทางเป็นสัญญาณ การเคลื่อนไหวของร่างกาย/ท่าทาง การจับ การสัมผัส การชี้ การสบตา การมองตามสิ่งที่เห็น การชี้นำจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ เช่น การจัดโต๊ะ เก้าอี้ที่จัดอย่างเป็นระเบียบ การพิมพ์ภาพสัญลักษณ์ เครื่องหมาย การเน้นย้ำ การให้รางวัล การเขียนข้อความ รายการต่างๆ คำแนะนำบนกล่อง บนเครื่องมือ หรือในที่ตั้งของงานเครื่องมือที่ดั้งเดิมสำหรับการจัดการข้อมูลและการให้ข้อมูล เช่น ปฏิทิน ตารางแนะนำรายการทีวี รายการสิ่งของ บันทึก สัญลักษณ์ การเน้นย้ำ แผนที่ รายการตรวจสอบเครื่องมือการออกแบบพิเศษเพื่อความต้องเฉพาะบุคคลที่เหมาะสม
ทั้งนี้ชนิดของสื่อสนับสนุนการมอง (Visual Supports) ที่นิยมใช้มากที่สุดได้แก่ ตารางรูปภาพเวลา (Visual Schedules) การให้ข้อมูลโดยภาพ (Information Sharers) แบบตรวจสอบรายการหรือการจัดการโดยภาพ (Checklists/Organizers) และภาพเพื่อการสอนพฤติกรรม (Visual Behavior Supports)
            การพัฒนาทักษะการสื่อสารผ่านกลวิธีการรับรู้ผ่านการมองจึงเป็นแนวทางหนึ่ง ในการพัฒนาบุคคลที่ไม่สามารถเข้าใจภาษาพูด การนำรูปภาพหรือสัญลักษณ์เข้ามาแทนภาษาพูดเพื่อให้สื่อสารเข้าใจ สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ลดพฤติกรรมก้าวร้าวและการทำร้ายตัวเองอีกด้วย  
เอกสารอ้างอิง
พรมณี หาญหัก. (2550). ผลการใช้ชุดการเรียนรู้ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์โดยกลวิธีการรับรู้ผ่านการมองสำหรับนักเรียนออทิสติก. รายงานการศึกษาอิสระปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอนการศึกษาพิเศษ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
อาพร ตรีสูน. (2550). ผลของการใช้ชุดการเรียนรู้ด้วยกลวิธีการรับรู้ผ่านการมองในการพัฒนาทักษะทางสังคมของนักเรียนออทิสติก. รายงานการศึกษาอิสระปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอนการศึกษาพิเศษ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
Brereton, Avril V. and Tonge, B. J. (2005). Pre-schoolers with autism : an education and skills training programme for parents : manual for clinicians. Philadelphia,PA: Jessica Kingsley Publishers.
Frost, L.A.,and Bondy, A.S.(2000). PECS: The Picture Exchange Communication System. VDO. CA: Mayer – Johnson Company
Hodgdon,L. (1995). Solving behavior problem through the use of visually supported communication. In K. Quill (Ed. ). Teaching children with autism. Albany : Delmar Publishing Co.
Hodgdon,L. (2000). Visual strategies for improving communication: practical supports for school and home. 10thed printing. Michigan Quirkroberts Publishing